วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2558

บันทึกการเรียนการสอนครั้งที่ 5




บันทึกการเรียนการสอนครั้งที่ 5 

วัน อังคาร ที่  10  กุมภาพันธ์  พ.ศ. 2558

เนื้อหาที่่เรียนวันนี้สอนเกี่ยวกับการสอนเด็กพิเศษและเด็กปกติพร้อมทำกิจกรรมในห้องเรียนและการฝึกร้องเพลงเด็กปฐมวัย
กิจกรรมวันนี้
ให้นักศึกษาสวมถุงมือเเล้ววาดมือข้างที่สวมถุงมือไว้ ว่าเราสังเกตหรือจำจดรายละเอียดของมือเราได้มากน้อยเเค่ไหน



จากกิจกรรมนี้ ทำให้เราทราบว่าการบันทึกพฤติกรรมของเด็กไม่ควรใช้วิธีการจำ ควรบันทึกสิ่งที่เราเห็นในขณะที่เด็กได้แสดงพฤติกรรมออกมา เพราะถ้าจำแล้วค่อยมาบันทึกจะได้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนได้ครูควรที่มีสมุดเล่มเล็กหรือกระดาษแผ่นเล็กๆติดตัวไว้เมื่อเห็นเด็กแสดงพฤติกรรมอะไรก็จดบันทึกได้

การสอนเด็กพิเศษและเด็กปกติ
ทักษะของครูและทัศนคติ
  • การมองเห็นการปรับความรู้สึกต่อทัศนคติตนเอง
  • การมองเห็นควรมองเด็กเหมือนกันทั้งหมด
  •  เป็นครูต้องมองเด็กและรู้จักเด็กเเต่ละคนให้ดีทุกคน


การฝึกเพิ่มเติม
  •  อบรมระยะสั้น สัมมนา
  • สื่อต่างๆ

เข้าใจภาวะปกติ
  • เด็กมักคล้ายคลึงกันมากกว่าเเตกต่าง ( ต.ย.เช่น 20 คนในห้องเรียนจะมีความคล้ายคลึงกันมากกว่าเเตกต่างกัน
  • รู้จักเด็กเเต่ละคน และมองเด็กให้เป็นเด็ก

การคัดแยกเด็กที่มีพัฒนาการช้า
  •  การเข้าใจพัฒนาการของเด็ก จะช่วยให้ครูสามารถมองเห็นความเเตกต่างของเด็กเเต่ละคนได้ง่าย

 ความพร้อมของเด็ก
  • วุฒิภาวะ ( เด็กเเต่ละคนในห้องจะมีพฤติกรรมหรือลักษณะไม่ค่อยต่างกันมาก เเต่ถ้าเด็กเป็นต่างชั้น เช่น อ.1 อ.2 จะต่างกันเยอะ
  • เเรงจูงใจ   ในห้องเรียนจะต่างกันเยอะ เเต่ถ้าเด็กอยากเรียนเหมือนกันเเรงจูงใจก็เหมือนกัน
  •  โอกาส   เด็กแต่ละคนมีโอกาสเรียนต่างกัน  เด็กปกติย่อมมีโอกาสเรียนสูงกว่าเด็กพิเศษ

* กิจกรรมก็อย่าให้ยากเกินไป หรือง่ายเกินไป  เเต่ทุกกิจกรรมต้องพัฒนาเด็กให้มากที่สุด*
การสอนโดยบังเอิญ
  •  จะเกิดขึ้นเมื่อเด็กเข้ามาหาครูในช่วงว่างๆ ส่วนมากจะเป็นเด็กพิเศษ

อุปกรณ์
  •  มีลักษณะง่ายๆ
  • ใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง
  • เด็กพิเศษได้เรียนรู้จากการสังเกตและเลียนเเบบเด็กปกติ
  •  เด็กปกติเรียนรู้ที่จะให้ความช่วยเหลือเด็กพิเศษ

ตารางประจำวัน
  • เด็กพิเศษไม่สามารถยอมรับการเปลี่ยนเเปลงสิ่งที่ทำอยู่เป็นประจำ
  •  กิจกรรมต้องเรียงลำดับเป็นขั้นตอนและทำยนายได้
  • เด็กจะรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจ
  •  การสลับกิจกรรมที่อยู่เงียบๆกับกิจกรรมที่เคลื่อนไหวมากๆ
  • คำนึงถึงความพอเหมาะของเวลา

ทัศนคติของครู
ความยืดหยุ่น
  • การเเก้แผนการสอนให้เหมาะสมกับสถานการณ์
  • ยอมรับขอบเขตความสามารถของเด็ก
  • ครูต้องตอบสนองต่อเป่าหมายที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็กแต่ละคน *ข้อนี้สำคัญมากที่สุด*

การใช้สหวิทยาการ
  •  ใจกว้างต่อคำเเนะนำของบุคคลในอาชีพอื่นๆ
  • สร้างความสัมพันธ์ระหว่างการบำบัดกับกิจกรรมในห้องเรียน
  • การเก็บข้อมูลจากอาชีพอื่นไว้พื่อเป็นฐานให้เรามีความรู้หลากหลายจากอาชีพอื่น

การเปลี่ยนพฤตกรรมและการเรียนรู้
เด็กทุกคนสอนได้
  •  เด็กเรียนไม่ได้เพราะไร้ความสามารถ
  •  เด็กเรียนไม่ได้เพราะขาดโอกาส

เทคนิคการให้เเรงเสริม  ( เเรงเสริมทางสังคมจากผู้ใหญ่ )
  •  ความสนใจของผู้ใหญ่ที่มีต่อเด็กนั้นสำคัญมาก
  • มีเเนวโน้มจะพิ่มพฤติกรรมที่ดีของเด็ก และมักเป็นผลในทันที
  •  หากผู้ใหญ่ไม่สนใจพฤติกรรมที่ดีนั้นๆก็จะลดลงและหายไป

วิธีการเเสดงออกถึงแรงเสริมจากผู้ใหญ่
  • ตอบสนองด้วยวาจา  การชม
  •  การยืนหรือนั่งใกล้เด็ก
  •  พยักหน้ารับ ยิ้ม ฟัง
  •  สัมผัสทางกาย  
  •  ให้ความช่วยหลือ ร่วมกิจกรรมกับเด็ก

หลักการให้เเรงเสริมในเด็กปฐมวัย
  •  ครูต้องให้เเรงเสริมทันทีที่เด็กมีพฤติกรรมอันพึงประสงค์
  •  ครูต้องละเว้นความสนใจทันทีและทุกครั้งที่เด็กเเสดงพฤติกรรมที่ไม่พึ่งประสงค์
  •  ครูควรให้ความสนใจเด็กนานเท่าที่เด็กมีพฤติกรรมี่พึ่งประสงค์

การเเนะนำหรือบอกบท 
  •  ย่อยงาน
  •   ลำดับความยากง่ายของงาน
  •  การลำดับงานเป็นการเสริมแรงเพื่อให้เด็กค่อยๆก้าวไปสู่ความสำเร็จ
  •  การบอกบทจะค่อยๆน้อยลงตามลำดับ

ขั้นตอนการให้เเรงเสริม
  •  สังเกตและกำหนดจุดมุ่งหมาย
  •  วิเคราะห์งาน กำหนดจุดประสงค์ย่อยๆในงานเเต่ละขั้น
  •  สอนจากง่ายไปยาก
  •  ให้เเรงเสริมทันทีเมื่อเด็กทำได้ หรือเมื่อเด็กพยายามอย่างเหมาะสม
  • ลดการบอกบท เมื่อเด็กเรียนรู้ที่จะก้าวไปขั้นต่อไป
  •  ให้เเรงเสริมเฉพาะพฤติกรรมที่ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่สุด
  •  ทีละขั้นไม่เร่งรัด ยิ่งขั้นเล็กเท่าไร ยิ่งดีเท่านั้น
  •  ไม่ดุหรือตี

การกำหนดเวลา
  •  จำนวนและความถี่ของเเรงเสริมที่ให้กับพฤติกรรมการเรียนรู้ของเด็กต้องมีความเหมาะสม

ความต่อเนื่อง
  • พฤติกรรมทุกๆอย่างในชีวิตประจำวันต่อเนื่องกันระหว่างพฤติกรรมย่อยๆหลายๆอย่างรวมกัน
  • สอนแบบก้าวไปข้างหน้า หรือย้อนมาจากข้างหลัง

เด็กตักซุป
  •  การจับช้อน
  •  การตัก
  •  การระวังไม่ให้น้ำในช้อนหกก่อจะเข้าปาก
  •  การเอาช้อนและซุปเข้าปากแทนที่จะทำให้รดรดคาง
  •  การเอาซุปออกจากช้อนเข้าสู้ปาก

การลดหรือหยุดเเรงเสริม
  •  ครูจะงดเเรงเสริมกับเด็กที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
  •  ทำอย่างอื่นและไม่สนใจเด็ก
  •  เอาอุปกรณ์หรือของเล่นออกไปจากเด็ก
  •  เอาเด็กออกจากของเล่น




กิจกรรม : ร้องเพลงเด็กปฐมวัย

เพลง  ผลไม้
ส้มโอ เเตงโม  แตงไทย
ลิ้นจี่  ลำไย องุ่น พุทรา
เงาะ ฝรั่ง มังคุด
กล้วย ละมุด น้อยหน่า
ขนุน มะม่วง นานาพันธุ์

เพลง กินผักกัน
กินผักกันเถอะเรา
บวบ  ถั่วฝักยาว ผักกาดขาว  เเตงกวา
คะน้า  กว้างตุ้ง  ผักบุ้ง โหระพา
มะเขือเทศสีดา  ฟักทอง กะหล่ำปลี

เพลง  ดอกไม้
ดอกไม้ต่างพันธุ์  สวยงามสดสี
เหลือง  แดง  ม่วงมี  เเสด  ขาว  ชมพู

เพลง จ้ำจี้ดอกไม้
จ้ำจี้ดอกไม้  ดาวเรือง  หงอนไก่
จำปี  จำปา  มะลิ  พิกุล 
กุหลาบ  ชบา  บานชื่น  กระดังงา 
เข็ม  เเก้ว  ลัดดา  เฟื่องฟ้า  ราตรี
ผู้เเต่ง อ.ศรีนวล  รัตนสุวรรณ
เรียบเรียง อ.ตฤณ  แจ่มถิน


ประเมินตนเอง :  เข้าเรียนตรงเวลา เเต่งกายถูกระเบียบ ตั้งใจเรียน จดบันทึกเนื้อหาความรู้ และทำกิจกรรมวาดมือของตนเองซึ่งทำให้คิดว่ามือของเรา 
ประเมินเพื่อน : เพื่อนตั้งใจเรียน และให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมในชั้นเรียนและช่วยกันร้องเพลง
ประเมินอาจารย์:อาจารย์สอนเนื้อหาเข้าใจง่ายพร้อมอธิบายรายละเอียดให้ฟังได้ชัดเจน มีการเล่าเรื่องหรือยกตัวอย่างให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น สอนสนุกมีเพลงมาสอนที่หลากหลายทำให้สามารถนำไปใช้ในการสอนได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น